พืชดอก (angiosperm)

  หน้า 1 จาก 3

          นักวิทยาศาสตร์คาดว่าพืชดอกหรือแองจิโอสเปิร์ม (angiosperm) มีวิวัฒนาการแยกจากพืชเมล็ดเปลือยเมื่อราว 350 ล้านปีมาแล้ว จากหลักฐานซากดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดที่พบมีอายุ 130 ล้านปี ทำให้สันนิษฐานว่าบรรพบุรุษของพืชดอกน่าจะเป็นพืชมีเนื้อไม้ขนาดเล็ก ดอกเดี่ยว มีฐานรองดอกยื่นยาวและมีใบที่เปลี่ยนแปลงไปทำหน้าที่เป็นกลีบรวม อับเรณูยังมีลักษณะยาวแบนคล้ายใบ ดอกในระยะแรกน่าจะกระจายเรณูโดยลม พืชดอกปัจจุบันที่มีลำดับพันธุกรรมดึกดำบรรพ์ที่สุด คือ Amborella trichopoda ซึ่งพบในป่าฝนเขตร้อนชื้นบนเกาะนิวคาลิโดเนียในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้

 

ซากดึกดำบรรพ์และภาพวาดของ Amborella trichopoda

          พืชดอกหรือแองจิโอสเปิร์ม มีลักษณะร่วมกันที่สำคัญ ได้แก่ การมีเนื้อเยื่อห่อหุ้มเมล็ด ( ตรงตามชื่อ angiosperm ซึ่งมาจากคำว่า angios = vessel หมายถึงวัตถุที่มีสิ่งหุ้มห่อ และสเปิร์มซึ่งในที่นี้หมายถึงเมล็ด) มีการปฏิสนธิซ้อน (double fertilization) ซึ่งทำให้เกิดเอ็มบริโอและเอนโดสเปิร์ม

          นักวิทยาศาสตร์คาดว่าพืชดอกประสบความสำเร็จในแง่วิวัฒนาการเนื่องจากการวิวัฒนาการร่วม (coevolution) กับแมลงซึ่งปรากฏขึ้นบนโลกในช่วงต้นของมหายุคซีโนโซอิก โดยการสร้างดอกและน้ำหวานที่ทำหน้าที่เชิญชวนแมลงเข้ามาผสมเกสร โดยที่แมลงก็ได้รับประโยชน์เป็นอาหารจากน้ำหวานจากดอกไม้ การวิวัฒนาการร่วมกันนี้ทำให้โอกาสของการถ่ายละอองเรณูระหว่างต้นของพืชดอกมีมากขึ้นและกว้างไกลขึ้น ผิดกับการถ่ายละอองเรณูโดยการใช้ลมของพืชพวกเมล็ดเปลือย ซึ่งต้องผลิตละอองเรณูจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์และไม่สามารถไปได้ไกล


ผึ้งกำลังดูดน้ำหวานจากดอกไม้และทำหน้าที่ผสมเกสรไปพร้อมกัน

 

 
หน้า 1 2 3