เครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึก (ink jet printer)

เครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึก (ink jet printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีราคาถูกว่า เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ ตลับหมึกบางรุ่นสามารถเติมหมึกได้ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย เครื่องพิมพ์ในปัจจุบันได้ถูกพัฒนาให้มีความละเอียด หรือความคมชัดสูงมากขึ้น จนได้เทียบเท่ากับภาพถ่ายเลยทีเดียว

การทำงานของเครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึก

  ตลับหมึกของเครื่องพิมพ์จะเชื่อมต่อกับหัวพิมพ์และสามารถเคลื่อนที่ไปมาใน
แนวขวางของกระดาษที่ถูกดึงเข้ามาทางด้านล่างของหัวพิมพ์ หัวพิมพ์จะมีหมึกสี่สี
ประกอบด้วย สีน้ำเงินเขียว สีเหลือง สีม่วงแดง และสีดำ (ระบบสี) ซึ่งแต่ละตลับจะมีช่องหัวฉีด
ซึ่งต่อเชื่อมกับท่อขนาดเล็กสำหรับให้น้ำหมึกผ่าน

กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านตัวต้านทานบางที่อยู่ด้านล่างของหัวฉีดทุกสีของเครื่องพิมพ์ จะทำให้เกิดความร้อนที่ส่วนล่างของหัวฉีด ซึ่งมีอุณหภูมิสูงมาก ในระยะเวลาสั้นๆ หมึกจะเดือดก่อตัวเป็นไอ จากนั้นก็จะเป็นฟองอากาศลอยขึ้นมาจากด้านล่างไอจะลอยขึ้นมาดันน้ำหมึกผ่านท่อขนาดเล็ก ทำให้น้ำหมึกพ่นออกมาไปยังกระดาษ ปริมาณน้ำหมึกที่พ่นออกมาจะน้อยมากประมาณหนึ่งในล้านของหยดน้ำปกติ การทำให้เกิดตัวอักษรหนึ่งตัวต้องใช้จุดหมึกมากกว่าหนึ่งจุดแล้วแต่ข้อมูลที่มีอยู่ในตาราง เมื่อตัวต้านทานเย็นตัวลงฟองอากาศที่ขยายตัวก็จะหายไปพร้อมกับดูดน้ำหมึกเข้ามาในหัวฉีดใหม่เตรียมพร้อมสำหรับการพ่นครั้งต่อไป อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีให้การพ่นหมึกมีมากมาย ต่อไปเป็นภาพตัวอย่าง การพ่นหมึกของตลับหมึก

เครื่องพิมพ์แบบหมึกแข็ง

เครื่องพิมพ์ประเภทนี้จะมีการทำงานคล้ายกับเครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึก แต่หมึกที่ใช้ จะอยู่ในสถานะของแข็งที่อุณหภูมิห้อง ซึ่งจะถูกใส่เข้าไปในเครื่องพิมพ์เป็นก้อนซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันในแต่ละสี และที่เครื่องพิมพ์จะมีช่อง 4 ช่อง สำหรับสีที่แตกต่างกัน 4 สี เพื่อไม่ให้เกิดการใส่สีผิด หลักการทำงานคือ ก้อนสีแต่ละก้อนจะถูกใส่ลงไปในช่องตามสีของตัวเอง
ต่อมาเครื่องพิมพ์จะสร้างความร้อนเพื่อหลอมละลายก้อนหมึกให้เป็นของเหลวและจะอยู่ในที่เก็บที่หัวพิมพ์โดยแยกสีตามช่อง ที่หัวพิมพ์จะประกอบด้วยท่อที่เรียงในแนวตั้ง และมีแนวคอลัมน์ 4 คอลัมน์ สำหรับแต่ละสี ความยาวของหัวพิมพ์อาจเท่ากับความกว้างของกระดาษ ทำให้สามารถสร้างภาพด้วยการผ่านเพียงครั้งเดียวได้ แต่ละท่อจะควบคุมด้วย Piezo Controller ซึ่งจะปล่อยกระแสไฟฟ้าไหลเข้าไปที่ผนังด้านหลังท่อสีแต่ละสีด้วยปริมาณที่แตกต่างกัน ผนัง Piezo คือ ผนังที่ทำจากสารคริสตัลที่ความอ่อนตัวต่อปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ผ่านเข้าไป ในสภาวะปกติผนังจะโค้งไปทางด้านหลัง ทำให้หมึกถูกดูดเข้าไปตามปริมาตรที่พองออก
 เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าไปผนังจะโค้งเข้า หาหัวฉีดทำให้หมึกถูกดันออกมากระทบดรัมที่ฉาบด้วยน้ำมันซิลิโคน ดรัมจะมีอุณหภูมิสูงเล็กน้อยเพื่อให้หมึกไม่กลับมาแข็งตัวอีก กระดาษจะถูกดูดเข้าไปในเครื่องพิมพ์ผ่านดรัมโดยมีแรงกดจากลูกลิ้งที่อยู่ด้านบนหมึกที่ติดอยู่ที่ดรัมจะติดกระดาษโดยมีลูกลิ้งที่อยู่ด้านบนเป็นตัวช่วย หมึกจะแห้งและแข็งตัวเมื่อผ่านลูกกลิ้งอุณหภูมิปกติ สองอัน ดรัมจะหมุน 28 รอบเพื่อส่งหมึกไปยังกระดาษจนทั่วทั้งแผ่น

การพิจารณาซื้อเครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึก

1. คุณภาพของงาน เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะวัดคุณภาพ กันที่ความสามารถในการพิมพ์จุดต่อตารางนิ้ว (Dots Per Inch : DPI) โดยตัวเลขจะเป็นจำนวนจุดทางแนวนอน X จุดทางแนวตั้ง เช่น 300 X 300 Dpi เป็นต้น ซึ่งค่าจำนวนตัวเลขนี้ยิ่งมากก็ยิ่งดี เพราะจะสามารถพิมพ์ได้ละเอียดมากขึ้น
2. ความเร็วในการพิมพ์งาน โดยปรกติแล้วจะวัดเป็นจำนวนแผ่นต่อนาที โดยจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ การพิมพ์แบบร่าง และการพิมพ์แบบมาตรฐาน ซึ่งถ้าได้จำนวนแผ่นต่อนาที มาก นั่นหมายความว่า สามารถพิมพ์งานได้รวดเร็ว
3. จำนวนหน้าที่สามารถพิพม์ได้ ต่อการเปลี่ยนหมึกหนึ่งครั้ง เครื่องพิมพ์ แบบพ่นหมึกนี้โดยมากแล้วราคามักจะไม่แพงมาก อยู่ทีประมาณ 3400 บาท - 6000 บาท แต่ราคาหมึกพิมพ์นั้นค่อยข้างแพงมาก เมื่อเทียบราคาต่อแผ่น กับเครื่องพิมพ์แบบอื่นๆ ดังนี้นจำนวนหน้าที่สามารถพิมพ์ได้ ต่อการเปลี่ยนหมึกหนึ่งครั้ง จึงถือว่าจำเป็นมากในการตัดสินใจเลือกใช้งาน
4. ราคาของเครื่องพิมพ์ และราคาของหมึก เครื่องพิมพ์บางรุ่นราคาถูก แต่ หมึกพิมพ์มีราคาแพง เครื่องพิมพ์บางรุ่นมีราคาแพง แต่ราคาของหมึกพิมพ์ถูก ดังนั้นในการเลือกใช้งานต้องคำนึงถึงราคา ด้วย ถ้าซื้อเครื่องพิมพ์ที่มีราคาถูกมา แต่ต้องการพิมพ์งานที่มีจำนวนมาก ก็ต้องสิ้นเปลือง กับรายจ่ายที่ต้องเสียไปกับค่าหมึกเป็นจำนวนมาก

กระดาษที่ใช้พิมพ์

คุณภาพของกระดาษที่ใช้ในการพิมพ์ก็มีผลต่อคุณภาพงานที่ได้อย่างมาก ถ้าใช้กระดาษธรรมดาที่ไม่เคลือบแว็กซ์ กระดาษเนื้อหยาบจะทำให้เกิดการสะท้อนแสงแบบไม่เป็นระเบียบทำให้ความสว่างของภาพลดลง และจะดูดซับสีในปริมาณากทำให้สิ้นเปลืองสี และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาพมัว แต่ถ้าเป็นกระดาษเคลือบแว็กซ์ จะเป็นกระดาษที่เหมาะสำหรับการพิมพ์สีอย่างมาก เนื่องจากสีจะแห้งอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการดูดซับสีมากเกินไป อีกทั้งด้วยเนื้อกระดาษที่ละเอียดและฉาบด้วยแว็กซ์ทำให้การสะท้อนแสงเป็นไปอย่างเป็นระเบียบ ภาพที่ได้จึงสว่างมากขึ้น และคมชัดมากขึ้น

ภาพบิตแมบและเอาต์ไลน์ต่างกันอย่างไร

ภาพบิตแมบ ในคอมพิวเตอร์เป็นไปตามแนวคิดของ Getenberg ซึ่งจะกำหนดรูปแบบของตัวอักษรไว้หมดแล้ว ข้อดีในการใช้งานคือ สามารถพิมพ์งานได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสีย คือ มีฟอนต์ให้จำกัด ถ้าฮาร์ดก๊อปปี้จำเป็นต้องมีภาพกราฟฟิก ซอฟต์แวร์ของคุณต้องสามารถส่งคำสั่งที่เครื่องพิมพ์เข้าใจไปที่เครื่องพิมพ์ด้วย เมื่อคุณสั่งให้พิมพ์เอกสารออกทางเครื่องพิมพ์ คอมพิวเตอร์จะส่งคำสั่งไปบอกเครื่องพิมพ์ก่อนว่าหน่วยความจำตรงตำแหน่งไหนในเครื่องพิมพ์จะถูกใช้งาน จากนั้นตัวอักษรแต่ละตัว หรือตัวอักขระต่างๆ จะถูกส่งไปยังเครื่องในรูปแบบของ ASCII code เท่านั้น จากนั้นโปรเซสเซอร์บนเครื่องพิมพ์จะทำการเทียบรหัส ASCII code กับตารางแพทเทินของจุดของตัวอักษร และเอาแพทเทินนั้นมาพิมพ์ กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นเรื่อยๆจนกว่าจะพิมพ์ครบตามที่กำหนด

เอาต์ไลน์ หรือเว็กเตอร์ฟอนต์จะทำงานร่วมกับ PDL (Page Description Language) หรือ Adobe Postscript หรือ Microsoft TrueType ด้วยวิธีนี้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอักษรหรือภาพกราฟฟิกจะถูกมองเป็นกราฟฟิกทั้งหมด เท็กซ์และกราฟฟิกที่ใช้งานจะถูกแปลงเป็นชุดคำสั่งที่เครื่องพิมพ์สามารถเข้าใจได้ ซึ่งเป็นคำสั่ง PDL ที่ระบุตำแหน่งของจุดบนหน้ากระดาษ PDL สามารถทำงานได้ด้วยความเร็วใกล้เคียงกับเครื่องพิมพ์เมตริกซ์ เอาต์ไลน์ฟอนต์มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า สามารถปรับขนาด และคุณสมบัติพิเศษอื่นๆได้  หลักการทำงานของเอาต์ไลน์ฟอนต์ คือ อาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์ อธิบายลักษณะของตัวอักขระต่างๆ เครื่องพิมพ์บางรุ่นจะมี PDL มาด้วยซึ่งจะเป็นตัวบอกเครื่องพิมพ์ว่าจะวางจุดบนตำแหน่งใดบนกระดาษสำหรับตัวอักษรแต่ละตัว สำหรับเครื่องพิมพ์ที่ไม่มี PDL มาด้วย ตัวไดรเวอร์ของเครื่องพิมพ์จะเป็นตัวเปลี่ยนคำสั่งให้อยู่ในรูปแบบที่เครื่องพิมพ์ต้องการ
เมื่อคุณสั่งพิมพ์งาน โปรแกรมจะส่งชุดคำสั่ง PDL ที่เปลี่ยนไปเป็นอัลกอลิธึม หรือสูตรทางคณิตศาสตร์ โดยอัลกอลิธึมจะอธิบายว่าตัวอักษรประกอบด้วยเส้นตรงหรือเส้นโค้งใดบ้าง นอกจากนี้ยังประกอบด้วยข้อมูลสำหรับปรับปรุงราบละเอียดของอักษรในกรณีที่อักษรนั้นมีขนาดใหญ่หรือเล็กมาก คำสั่งจะส่งค่าตัวแปรไปที่สูตรเพื่อเปลี่ยนขนาดหรือคุณสมบัติบางประการของเอาต์ไลน์ฟอนต์
ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นคำสั่งที่บอกให้เครื่องพิมพ์ทำงานง่ายๆ ดังนี้ ให้สร้างเส้นแนวนอนกว้าง 10 พอยน์ เป็นต้น การพิมพ์แต่ละครั้งจะส่งตัวอักษรไปทั้งหน้าโดยอยู่ในรูปแบบกราฟิกทั้งหมดทำให้การประมวลผลช้ากว่าการพิมพ์ด้วยบิตแมปฟอนต์

 
 
     Links อื่น ๆ
 



























 





 
       
 
 

 
   

Copyright © 2004 Institute for Innovation and Development of Learning Process.  All rights reserved.